ฉันมาถึงห้องสมุด ที่นั่นฉันเจอแมดดี้กระโดดไปกระโดดมา
เธอพูดกรอกหูฉันถึงสิ่งที่ฉันต้องไปเห็นให้ได้ สิ่งที่ไม่มีใครพบ แมดดี้มักจะมีวิธีพูดแปลกๆอยู่เสมอ
เธอพาฉันพาฉันเดินข้ามห้องสมุดไปยังประตูลับที่เธอเจอ
แมดดี้เคาะประตูเป็นจังหวะเร็วๆ และทันใดนั้นเราก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยหนังสือเก่าๆฝุ่นเขรอะ
“แมดดี้ เราอยู่ไหนเนี่ย” เธอตอบอย่างใจเย็น “เขาเรียกว่าอุโมงค์แห่งเรื่องที่ถูกลืม”
“เขานี่ใคร?”
“เจ้าแห่งบรรณารักษ์ ไจล์ส กริมม์ ฉันว่าเขาเป็นน้องชายของครูใหญ่น่ะ
เขามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเธอน่ะ” แมดดี้ร้องเพลง “แต่เขามักพูดภาษาริดดลิชเท่านั้นน่ะ”
“หา อะไรน่ะ”
“ริดดลิชเป็นภาษาปริศษนาของWonderland
บ้านของฉันน่ะ แต่ไม่ใช่บ้านของบรรณารักษ์” อย่างที่ฉันบอก แมดดี้มักมีวิธีพูดแปลกๆ
“ดูสิ เขาอยู่นั่น”
ใต้กองหนังสือกองโต มีชายแก่ที่ผมหงอกที่สุดที่ฉันเคยเห็น ดวงตาของเขากลอกกลิ้งไปมาเมื่อเห็นฉัน
“พลิกปิ้งแป้งจี่ ตัดมุมไปมาจนเป็นธุลี”
*แปลจากภาษาริดดลิชโดยแมดดิลิน แฮทเทอร์ “ฉันล่ะเหนื่อยจริงๆ
ยังมีหนังสืออีกกี่เล่มที่ฉันต้องอ่านนี่”
จ
ากการเริ่มบทสนทนาที่แปลกที่สุดในประวัติศาสตร์
แมดดี้และครูพูดถึงเท้ากระต่าย การเคาะนิ้วเท้า และเรื่องที่ชวนหัวหมุนอีกหลายเรื่อง
ฉันไม่เข้าใจเลยว่าพวกเขาพูดอะไรกัน จนครูใหญ่ชี้มาที่ฉันแล้วพูด
“เหนือปีกมีดอกกุหลาบ บนเก้าอี้ถ้าจะเลือก ลูกหมาและหมูในกระเป๋าของมัน”
แมดดี้หันมามองที่ฉัน“ราเวน! ลูกหมาและหมูในกระเป๋าของมัน! ลูกหมาและหมูในกระเป๋าของมัน!”
“แมดดี้ ฉันไม่เข้าใจ”
“ขอโทษที ฉันลืมไปว่าเธอไม่พูดภาษาริดดลิช”
แมดดี้อธิบายถึงเรื่องที่จะเปลี่ยนชีวิตฉันไปตลอด จากที่บรรณารักษ์พูด
ถ้าฉันเลือกที่จะเดินไปตามทางของตัวเองแล้วฉันจะมีความสุขไปตลอด
เป็นไปได้จริงเหรอ?
ฉันคิดว่าฉันจะต้องเป็นอีวิลควีนมาตลอดทั้งชีวิตของฉัน ฉันกล้าที่จะหวังให้ตัวเองเลือกในสิ่งที่ฉันอยากเป็นได้ด้วยเหรอ?
พวกเราถูกบอกมาเสมอว่าต้องเดินตามพ่อแม่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ถ้าฉันคิดจะเปลี่ยนแปลง จะเกิดอะไรขึ้น? แล้วทุกคนจะคิดยังไง? เรื่องทั้งหมดมันก็คือคนๆนึงสามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตคนอื่นทั้งหมดไปเลย
แต่บางที...แค่อาจจะ...มีคนอื่นที่อยากจะมีโอกาสเขียนตอนจบที่แสนสุขของตัวเอง
I arrived at the library, and there was Maddie hexstatically bouncing. She was going on and on about something that I needed to see, but nobody could find. Maddie sometimes slips into this weird way of talking. She guided me through the library to a secret door she found. Maddie knocked a playful rhythm, and with a FLASH! we were suddenly surrounded by a ring of ancient, dusty books.
"Maddie... where are we?" Her response was typically calm, "He calls it the Vault of Lost Tales."
"Who is 'he'?"
"The Master Librarian, Giles Grimm. I think he's the Headmaster's brother. He has something important to tell you," Maddie sang, "But he only speaks Riddlish."
"I'm sorry, what?"
"Riddlish, the riddle language of Wonderland, my home. The Librarian's not-home," Like I said, Maddie can have this weird way of talking.
"Oh look, there he is."
Buried under piles of books was the most grizzled old man I ever saw in my life. His eyes darted back and forth across the pages of a large tome. "Flipping flapjacks ripping rust! Cutting corners dawn to dust!"*
*Translated from Riddlish by Madeline Hatter: "I'm Frustrated! How many books do I need to read?"
From there began the oddest conversation in history. Maddie and the Master Librarian rhymed about rabbit's feet, tapping toes, and so much more head-spinning nonsense. I had no idea what was going on when the Librarian pointed at me and said,
"On a wing with a rose, on a chair if it chose, with a puppy and pig in its pocket."
Maddie twirled me around,
"Raven! A puppy and pig in its pocket! A puppy and pig in its pocket!"
"Maddie, I don't understand!"
"Oh sorry! I forgot you don't speak Riddlish."
Maddie explained the story that would change me forever. According to the Librarian, if I pledge to create my own Happily Ever After I will be free to write my own story.
Could it be true? My entire life I thought I had to be the Evil Queen. Did I dare to hope to discover what I want to be? We've been told we have to follow our destinies, no matter what. If I flipped the script, what would happen? And what would people think? All it takes is one person to curse everyone else's destinies.
But maybe... just maybe... there were others who wanted a chance to write their own Happily Ever After.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น